วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Health


สุขภาพดีสร้างได้

1. ดื่มน้ำแอปเปิ้ลแบบมีกาก
ปกติน้ำแอปเปิ้ลก็มีประโยชน์มากอยู่แล้ว แต่น้ำแอปเปิ้ลแบบมีกากจะมีประโยชน์มากขึ้นเป็นสองเท่า เพราะวิตามินบางตัวจะสลายไปตอนที่เราครั้นน้ำแอปเปิ้ลออกจากเนื้อ ถ้ากินเนื้อร่วมด้วยก็จะได้ประโยชน์แบบดับเบิ้ลไปเลย
2. อยากหลับสบายพริกช่วยได้

เพราะในพริกสดมีสารแคปซิน ซึ่งนอกจากจะทำให้เผ็ดแล้ว ยังมีฤทธิ์กล่อมประสาททำให้คนกินหลับลึกหลับสนิทได้ทั้งคืน ตื่นขึ้นมาก็จะสดชื่นมีพลังงานพร้อมที่จะเปรี้ยวกระจายได้อีกวัน
3. หยุดนั่งไขว่ห้าง

เพราะการนั่งเอาขาไขว้กันจะทำให้เส้นเลือดใหญ่ถูกกดเอาไว้ เลือดก็เลยเดินไม่สะดวก ในที่สุดก็จะมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือด และกลายเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน ถ้าสาวๆ นั่งท่านี้มานานจนรู้สึกว่าอะไรก็มาพรากจากกันไม่ได้ ขอแนะนำให้ลุกขึ้นมาเดินบ่อยๆ เพื่อปลดปล่อยให้เลือดที่ถูกกดไว้ไหลเวียนได้สะดวกขึ้น
4. ดูแลสุขภาพของแฟน

ถ้าแฟนเราสุขภาพดี สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วย นี่ไม่ใช่คำขวัญ แต่เป็นผลงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยระดับโลก เหตุผลก็เป็นเพราะว่าเวลาที่คนรักดูแลสุขภาพกินแต่อาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายเป็นประจำ อีกคนหนึ่งก็มักจะทำตามไปด้วย ยิ่งถ้าคนรักแอนตี้การสูบบุหรี่ อีกคนจะนั่งพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ก็อาจแห้วได้ โลกก็เลยต้องเสียนักสูบไปอีกคน
5. ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์

เพราะมีผลงานสะท้านโลกออกมาว่าแป้นคอมพิวเตอร์ของคนส่วนใหญ่มีเชื้อโรคเยอะกว่าในห้องน้ำเสียอีก พูดง่ายๆ ว่าสกปรกกว่าส้วมนั่นเอง เจอแบบนี้เราคงต้องหาแอลกอฮอล์มาหมั่นเช็ดคอมพิวเตอร์คู่ใจทุกๆ อาทิตย์แล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องทำงานกับส้วม และสุขภาพก็จะได้ปลอดภัยไปด้วย 9. ใส่ถุงน่องเป็นบางวันการใส่ถุงน่องไม่ถึงกับรัดจนเลือดวิ่งไม่สะดวกก็จริง แต่จะทำให้ผิวบริเวณที่ถูกรัดเช่นตรงเอว หรือต้นขาแห้งมาก มีรายงานว่าคนที่ใส่ถุงน่องทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวหนังลอกเป็นขุยได้เยอะ
6. ใส่ถุงน่องเป็นบางวัน

การใส่ถุงน่องไม่ถึงกับรัดจนเลือดวิ่งไม่สะดวก ก็จริง แต่จะทำให้ผิวบริเวณที่ถูกรัดเช่นตรงเอว หรือต้นขาแห้งมาก มีรายงานว่าคนที่ใส่ถุงน่องทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวหนังลอกเป็นขุยได้เยอะ
2. อย่าใช้น้ำยาเช็ดกระจกในที่อับ

เวลาจะใช้น้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเรือน หรือสเปรย์ปรับอากาศ ต้องเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นสารเคมีที่ระเหยออกมาอาจจะทำให้คุณและคนในบ้านเป็นหอบหืดกันยกครัว
3. ล้างมือบ่อยๆ

อย่าชะล่าใจว่าเมือเราก็ดูสะอาดดี เพราะเชื้อโรคมันไม่ได้เป็นแฟนฟุตบอลจะได้ใส่เสื้อทีมชาติสารพัดสีให้คุณเห็นได้ง่ายๆ ผลการวิจัยเค้าบอกว่า การล้างมือบ่อยๆ นี่ล่ะเป็นวิธีป้องกันโรคที่ดียิ่งกว่ายาขนานไหนเสียอีก สละเวลาล้างมือแค่ห้านาที วันละสองสามครั้ง สุขภาพดีก็ไม่หนีไปไหนแล้ว
4. ดื่มนมหลังออกกำลังกาย

นี่คือหนทางลดความอ้วนที่ง่ายที่สุดแล้ว นักวิจัยเขาบอกว่า หลังจากออกำลังหนักๆ มา ถ้าเราดื่มนมไขมันต่ำสักสองแก้ว ร่างกายก็จะมีพลังงานเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นเป็นสองเท่า เรื่องดีๆ แบบนี้ต้องรีบกระจายข่าวค่ะ
5. กินแตงโมไม่แช่เย็น
แตงโมงเป็นผลไม้ที่มีไลโคปีน สารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แต่ว่าสารนี้จะลดลงไปประมาณ 20 % ถ้าแตงโมนั้นอยู่ในอุณหภูมิเย็นๆ คนที่ชอบกินแตงโมแช่เย็นลองเปลี่ยนวิธีกินดูสิ แล้วคุณจะเห็นว่าผิวพรรณดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย


ที่มา spicy

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โภชนาการเพื่อผิวสวย




โภชนาการเพื่อผิวสวย

เคยนึกสงสารผิวของเรากันบ้างไหม ว่าวันๆ หนึ่งต้องเผชิญกับอะไรบ้าง มลพิษ แสงแดด สารเคมี ฯลฯ ที่มาคอยรบกวนผิวพรรณของเราเท่าที่เอ่ยมาแค่นี้ผิวของเราก็บอบช้ำแย่แล้วล่ะค่ะ นี่ยังไม่รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สุขภาพ โภชนาการ วัย หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ที่เป็นอีกสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวพรรณ
ผิวพรรณสุขภาพดี

ผิวที่มีสุขภาพดี หรือที่เราเรียกว่าผิวสวยนั้นควรมีลักษณะสดใส นุ่มเนียน และไร้ริ้วรอยด่างดำหรือขรุขระ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บของผิวหนัง สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 กองโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า ผิวพรรณจะงดงามและมีสุขภาพที่ดีนั้นขึ้นกับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น พันธุกรรม อายุ สุขภาพทั่วไป อาหาร การออกกำลังกาย อารมณ์ รวมถึงการใส่ใจดูแล เป็นต้น
การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอย่อมทำให้มีสุขภาพแข็งแรง กระตุ้นให้เซลล์ทำงานเป็นปกติ การออกกำลังกายจะขจัดความเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้า วิตกกังวลหรือความเครียดซึ่งส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระทำให้เซลล์ผิวตาย การออกกำลังกายจึงทำให้ร่างกายและผิวพรรณมีสุขภาพดีอยู่เสมอ เพราะการออกกำลังกายทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ผิวหนังได้รับอาหารหล่อเลี้ยงและมีเซลล์ใหม่เจริญงอกงามขึ้นมา ทำให้ผิวพรรณแลดูสดใส ดังนั้นเพื่อให้ผิวพรรณสดสวย จึงต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วย และที่สำคัญควรห่างไกลบุหรี่ เพราะผลร้ายของบุหรี่ทำให้เซลล์ผิวตายเร็วขึ้นกว่าปกติ ดังนั้นคนที่สูบบุหรี่ใบหน้าจะเหี่ยวย่นเร็วและมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่
สำหรับอาหารนั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายในและอวดโฉมสวยภายนอก ทว่าการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวพรรณไม่ได้ทำให้แต่งตึงขึ้นมาในวันสองวัน แต่มีผลช่วยในระยะยาว ช่วยผ่อนคลาย บรรเทาไม่ให้ผิวพรรณของเราเสื่อมโทรมเร็ว
โภชนาการเพื่อผิวสวย

อาหาร ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่น เปล่งปลั่ง เนื่องจากอาหารที่ดีกับสุขภาพจะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและช่วยขับพิษออกจากร่างกาย การรับประทานอาหารหลากหลาย ครบ 5 หมู่ และได้สัดส่วนพอเหมาะ ก็ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีได้และช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดีอีกด้วย แต่หากจะมุ่งไปเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว อาหารส่วนใหญ่จะประกอบด้วย เนื้อปลา เมล็ดข้าว และธัญพืช ผลไม้และผักสด รวมทั้งน้ำเปล่า
- โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุด โปรตีนหาได้จากเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง ปลา นม ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพดี รองลงมาคือไขมันแต่อย่ารับประทานมากเกินไป ไม่อย่างนั้นผิวสวยจะมาพร้อมกับหุ่นอันอวบอั๋น
- เนื้อปลาเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียมซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย
- น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันจากพืชมีแคลอรีสูงแต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโนชน์กับร่างกายสูง และเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วย วิตามินเอและอี ที่เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม
- ธาตุสังกะสีเป็นสิ่งจำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และระบบฮอร์โมนต่างๆ ของร่างกาย ในผิวหนังมีปริมาณธาตุสังกะสีค่อนข้างสูง แต่เมื่อร่างกานเจริญเติบโตเข้าวัยหนุ่มสาวก็ยิ่งต้องการธาตุสังกะสีมากยิ่งขึ้น ธาตุสังกะสีพบได้ในอาหารที่มีโปรตีน เช่น หอยนางรม เนื้อวัว ตับวัว ขาไก่ ถั่ว
- เมล็ดข้าวและธัญพืชไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนต์ ซึ่งช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์
- พืชผักผลไม้พืชผักผลไม้ที่ช่วยในการบำรุงผิวต้องมีสารอาหารแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินซี เพราะเป็นตัวช่วยให้เซลล์ของร่างกายทำงานได้ตามปกติ สามารถต่อต้านไม่ให้เกิดอนุมูลอิสระได้
แคโรทีนจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายนั้น จำเป็นต่อสุขภาพของผิวหนังและการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายและสายตา ช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้งและแลดูสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ ถ้าขาดวิตามินเอผิวหนังจะแข็งและเป็นเกล็ดฝอยไปอุดต่อมน้ำมันและต่อมเหงื่อ สำหรับวิตามินซีมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นในคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้จึงเป็นอาหารที่ควรบรรจุไว้ในเมนูทุกมื้อ
ผักผลไม้ที่มีแคโรทีน อาทิ ผักใบเขียวเข้ม คะน้า ตำลึง ผลไม้มีสีส้มเข้ม มะเขือเทศ แครอต มะละกอสุก กล้วย มะม่วงสุก ฟักทอง
ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ส้ม มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด ในผักก็มี เช่น ถั่วงอก
- น้ำเปล่าน้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกาย หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่องแบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบอีกด้วย
หยุด ! บริโภคอาหารปรุงแต่งที่ไร้ประโยชน์ปราศจากคุณค่าทางโภชนาการ เพราะการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณนอกจากผิวพรรณจะผุดผ่องแล้วยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ ต่อร่างกายอีกด้วย แต่อย่าลืมนะคะว่าการรับประทานอย่างเดียวผิวสวยได้ไม่เต็มร้อย ดังนั้น ถ้าอยากมีผิวพรรณแลดูสดใสเปล่งปลั่ง คุณต้องมีสุขภาพร่างกายและจิตใจดีด้วย เช่นกันตามใจปากทำลายผิว
- กาเฟอีน จะดูดซับความชื้นจากผิวและเป็นตัวยับยั้งการดูดซึมของธาตุสังกะสี
- แอลกอฮอล์ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและเกิดรอยคล้ำใต้ตา ทำให้ผิวซีดเซียว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณขาดความเปล่งปลั่ง และเป็นตัวยับยั้งการดูดซึมของธาตุสังกะสี
- ไขมันอิ่มตัวในเบคอน ไส้กรอก ไฮศกรีม และเนยสด กระบวนการเผาผลาญอาหารเหล่านี้จะเกิดอนุมูลอิสระสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของร่างกายเหี่ยวย่นและเสื่อมโทรม
- รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป มีผลขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ผิว ทำให้ผิวหย่อนยานเคล็ดง่ายๆ ดูแลผิวให้มีสุขภาพดี
การดูแลผิวพรรณให้สดใสอยู่เสมอนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี ผิวหนังที่สะอาดคือผิวหนังที่มีสุขภาพดี การชำระล้างผิวหนังอย่างเหมาะสมย่อมชำระเอาสารพิษและเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังออกไป
วิธีทำความสะอาดผิวหนังมีหลายวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุดและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดคือ การชำระล้างด้วยสบู่กับน้ำนั่นเอง การทำความสะอาดผิวหนังจะช่วยขจัดขี้ไคล เหงื่อ และไขมันออกจากผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแลดูสดใส ปราศจากกลิ่นตัว และช่วยลดการเกิดสิวได้
..................................................................................................................................
ขอขอบคุณที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันพุธที่ 7 กันยายน 2548

วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี


1.กินอาหารเช้าเป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อสุขภาพที่ดีต่อร่างกายและจิตใจทำให้ร่างกายเรา

มีพลังงานในการทำงานทั้งวัน

2.เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้มันมันมะกอกหรือมันมันพืช

3.ดื่มน้ำให้มากๆคนเราควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วต่อวัน หรือ วันละ 2ลิตร
4.เสริมสร้างแคลเวียมให้กระดูก ควรดืมนม กินปลาตัวเล็กตัวน้อย
5.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ ผักและผลไม้ให้มากๆ
6.พักผ่อนให้เพียงพอควรนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
7.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ


การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
พ.อ.กิฎาพล วัฒนกูล MD.,MPHM.,FCFPT.
รอง ผอ.กองตรวจโรคผู้ป่วยนอก รพ.พระมงกุฎเกล้า

การออกกำลังกายนั้น มีประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการป้องกันโรค และยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพ เช่น ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ทำให้สมรรถภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้น รวมทั้งปอดและระบบหมุนเวียนของโลหิต กล้ามเนื้อ เอ็น เอ็นข้อต่อ กระดูก ผิวหนังแข็งแรงขึ้น ช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น สง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ยังเป็นการชะลอความแก่ หรือ ช่วยให้เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพ และ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ช่วยลดเวลาที่จะต้องใช้หยุดงานจากการเจ็บป่วย โดยรวมแล้ว ยังช่วยให้ประเทศของเราอยู่ในสถานะ ประชาชนมั่งคั่ง และประเทศชาติมั่นคงได้อีกด้วย

เราควรออกกำลังกายอย่างไร
ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้มีพลังแบบไหน ถ้าต้องการพลัง ความอดทน ก็ควรออกกำลังแบบที่ต้องหายใจเอาออกซิเจน เข้าไปในร่างกาย ขณะออกกำลังด้วย ที่เรียกว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) ถ้าอยากมีแรงเยอะๆในชั่วอึดใจ ควรออกกำลังกายแบบกลั้นลมหายใจ แบบที่เรียกว่า แอนแอโรบิก (Anaerobic Exercise)

การออกกำลังกายแบบ แอโรบิก(Aerobic) และ แอนแอโรบิก (Anaerobic) คืออะไร
Aerobic Exercise คือ การออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงมาก แต่มีความต่อเนื่อง เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ หรือ วิ่งทางไกล ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก ฯลฯ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก จึงเป็น วิธีการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกายชนิดนี้ใช้ทั้งแป้งและไขมันเป็นพลังงาน จึงควรทำเป็นประจำ
Anaerobic Exercise คือ การออกกำลังกายแบบช่วยกลั้นลมหายใจ เช่น วิ่งระยะสั้น ยกน้ำหนัก เทนนิส เป็นต้น ดังนั้น ไม่ใช่ว่าการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาอะไรก็ได้ จะดีต่อหัวใจและหลอดเลือดเสมอไป

เราควรออกกำลังกายนานแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้ว ควรต้องมีความต่อเนื่องกันประมาณ 20 นาที เป็นอย่างน้อย การออกกกำลังกายเพื่อสุขภาพไม่จำเป็นต้องทำมากกว่านี้ แต่ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ

เราควรออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน
อย่างน้อยควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจด้วย แต่ไม่ควรหักโหม ขณะนี้เป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์แล้วว่า การออกกำลังกายนั้น สามารถสะสมได้ เช่น ถ้าออกกำลังกายครั้งละ 10 นาที อย่างต่อเนื่อง เช่น การเดิน วันละ 3 ครั้ง ก็จะได้ประโยชน์เช่นเดียวกับการใช้เวลาออกกำลังกาย 30 นาทีครั้งเดียว
เราควรออกกำลังกายหนักแค่ไหน
ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งนั้น ถ้าจะให้ได้ประโยชน์ ต่อระบบหมุนเวียนโลหิต จะต้องออกกำลังกายให้หัวใจเต้นอยู่ ระหว่าง 60-80% ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจของคน ๆ นั้นจะเต้นได้
สูตรในการคำนวณ ความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ คือ 220 – อายุเป็นปี ตัวอย่างเช่น อายุ 50 ปี ก็จะมีความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ คือ 220 – 50 = 170 ครั้ง / นาที ดังนั้น 60-80 % ของ 170 จึงเท่ากับ ชีพจรระหว่าง 102 -136 ครั้ง / นาที ซึ่งเหมาะสมสำหรับคนอายุ 50 ปี กับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
ในความเป็นจริงแล้ว การจับชีพจร ในขณะออกกำลังกาย จะทำได้ยาก ถ้าไม่มีเครื่องวัด ดังนั้น จึงควรใช้ความรู้สึกของแต่ละบุคคล คือ ให้เกิดความรู้สึกว่าเหนื่อยนิดหน่อย พอมีเหงื่อออก แต่ยังสามารถพูดคุยกันได้ ระหว่างการออกกำลังกาย แสดงว่ายังไม่หักโหมเกินไป
การออกกำลังกายมีโทษหรือไม่
การออกกำลังกายอาจก่อให้เกิดโทษได้ ถ้าทำไม่ถูกต้อง เช่น
1. การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมกับอายุ เช่นผู้สูงอายุควรใช้วิธีเดิน หรือเดินเร็ว ๆ แทนที่จะไปเล่น เทนนิส แบดมินตัน ฯลฯ แม้แต่ผู้เล่นเทนนิสเท่านั้นเป็นประจำทุกวัน ยังอาจเป็นโรคหัวใจได้ ดังนั้นการออกกำลังกายต้องให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและจิตใจ ดังจะเห็นได้ ว่า การรำมวยจีน เป็นคณะ เป็นกลุ่ม จะเปิดโอกาสให้มีการพูดคุย มีเพื่อน แต่การเล่นกีฬาเพื่อแข่งขัน เพื่อจะเอาชนะ จะมีแต่ความเครียด
2. การออกกำลังกายผิดเวลา เช่น เวลาอากาศร้อนจัด จะยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น จนอาจเป็นลมชักได้ หรือหลังการรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ อาจเป็นโรคหัวใจได้ เพราะเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจขณะนั้นมีน้อย
3. การออกกำลังกายในช่วงที่ไม่สบาย เช่น ในขณะที่ท้องเสีย ร่างกายจะขาดน้ำและเกลือแร่ จึงอาจทำให้อ่อนเพลีย เป็นลม เป็นตะคริวได้ เวลาเป็นไข้ ก็ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถึงกับเสียชีวิตทันทีได้ ขอสรุปว่าถ้าไม่สบายไม่ว่าด้วยอาการใด ๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ก็ควรยกเว้นการออกกำลังกายไว้ก่อน
4. การออกกำลังกายโดยไม่อุ่นเครื่องหรือยืดเส้นยืดสาย จงจำไว้ว่า ก่อนออกกำลังกาย จะต้องมีขั้นตอนการอุ่นเครื่องหรือยืดเส้นยืดสาย (warm up) ทุกครั้ง โดยไม่มีข้อยกเว้น
5. การใช้อุปกรณ์กีฬาและสถานที่ ที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้า ความสั้น–ยาวของอุปกรณ์กีฬาที่ไม่เหมาะสมกับผู้เล่น รวมทั้งสถานที่ ที่ไม่ใช่ลานกีฬา สำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บได้
6. การออกกำลังกายอย่างหักโหม เช่น ถ้าวิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งเพียงแค่ 20 นาทีก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องวิ่งถึง 1 ชั่วโมง เป็นต้น
สุดท้าย ผมอยากจะให้ ข้อคิด ในการดูแลสุขภาพ ว่า จงยอม ” ขาดทุนเพื่อกำไร” เช่น ยอมขาดทุนการแสวงหาความสุข จากการเที่ยวเตร่ ทานเหล้า สูบบุหรี่ อดหลับอดนอน มาเป็น การออกกำลังกาย เพื่อกำไร สุขภาพ และคุณภาพชีวิตในอนาคต …ขอบคุณค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553